ชมดอกซากุระที่ Moon Crossing Bridge ญี่ปุ่น

ช่วงปลายมีนาคมถึงต้นเมษายนของทุกปีในประเทศญี่ปุ่นนั้นจะเป็นช่วงฤดูซากุระ หรือ Cherry Blossom โดยช่วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงที่มีดอกซากุระบานสะพรั่งสวยงาม จึงส่งผลให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเป็นอย่างมาก

และที่ Moon Crossing Bridge จังหวัดเกียวโตก็เช่นกัน เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่ปกติก็มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาตลอดทั้งปีอยู่แล้ว เพราะสะพานแห่งนี้มีความสวยงามและอยู่ใกล้เขตกับป่าไผ่ชื่อดังอาราชิยาม่า นั่นเอง

ซึ่งถ้าใครเดินทางมาลงสถานีรถไฟ Arashiyama Station [Henkyu railway] ก็จะต้องเดินผ่านริมแม่น้ำ จะพบต้นซากุระสีขาวและสีชมพูบานเต็มทั้งต้นสวยงามมากๆ บริเวณใกล้เคียงก็มีขนมทานเล่น ขนมพื้นบ้านชาวญี่ปุ่นขาย นักท่องเที่ยวบางคนก็ซื้อและนั่งชมแม่น้ำท่ามกลางดอกซากุระบาน เป็นบรรยากาศแสนสบายสุดชิว ใครไปญี่ปุ่นช่วงซากุระก็ลองชมดูก่อนตัดสินใจใส่ไว้เป็นแผนเที่ยวอีกที่หนึ่งก็ได้นะ

สถานที่ : Moon Crossing Bridge
GPS:

เบอร์ติดต่อ : +81 75-861-1101
วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟมาลงสถานี Arashiyama Station [Henkyu railway]

เที่ยวเกียวโตชมดอกซากุระและเทคนิคการเดินทาง

ประเทศญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางของคนไทยหลายต่อหลายคนที่ชอบไปสัมผัสบรรยากาศที่เรียบง่าย มีวัฒนธรรมอันงดงามที่แฝงไปด้วยความอบอุ่น ผู้คนก็สุภาพเรียบร้อย อาหารก็อร่อยโดนใจไม่น้อย ขึ้นชื่อว่าประเทศญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวต่างหลงใหลกับดินแดนอาทิตย์อุทัยมากๆ

เอาล่ะมาเข้าเรื่องกันดีกว่า เราก็ได้มีโอกาสไปสัมผัสความอบอุ่นสวยงามที่ญี่ปุ่นเช่นกัน ซึ่งครั้งนี้เราได้แวะเวียนไปยังเมืองหลวงเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยวัดและประวัติศาสตร์มากมาย นั่นก็คือเมืองเกียวโตนั่นเอง

แต่ครั้งนี้เราไม่ได้จะมารีวิววัดในเกียวโตแบบคนอื่นๆ แต่เราได้เก็บภาพบรรยากาศและดอกซากุระมาฝากมากมาย ถ้าใครที่เคยได้ไปเกียวโตช่วงดอกซากุระบานเต็มที่ จะต้องรู้สึกประทับใจและมีความสุขไม่น้อยกับภาพที่ได้เห็น เราจึงได้บันทึกภาพดอกซากุระมาให้ชมกัน รวมไปถึงการเดินทางในเกียวโตเพื่อไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆด้วย

 

ถ้าใครไปเกียวโตก็มักจะต้องได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังหลายที่ ดังนี้

  • วัดน้ำใส Kiyomizu-dera
  • ศาลเจ้ายาซากะ – Yasaka-jinja Shrine
  • กิออน ย่านเกอิชาแห่งเกียวโต – Gion
  • วัด Toji temple
  • เกียวโตทาวเวอร์ Kyoto Tower
  • ศาลเจ้า Fushimi Inari Taisha

ด้านล่างนี้เป็นแผนการเดินทางของเราซึ่งเราพักอยู่ที่ Osaka แต่เดินทางไปเที่ยว Kyoto จุดเริ่มต้นจึงเริ่มที่สถานีของโรงแรมที่เราพักนั่นก็คือ Higobashi Station จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังเกียวโตและแวะสถานที่เที่ยวชื่อดังต่างๆ    

  • ออกเดินทาง จาก Higobashi ไป Kyoto

ไป Kiyomizu-dera วัดน้ำใส (Pure Water Temple) ขึ้นรถเมล์ เดินประมาณ 10-15 นาที จากป้ายรถบัส Gojo-zaka หรือป้ายรถบัส Kiyomizu-michi [รถบัสสาย 100, 206]

Kyoto station – Kiyomizu-Gojo Station [ Keihan Railway Line]

ไปศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka-jinja Shrine) : Kiyomizu Gojo Station – Gion-shijo Station

จากศาลเจ้ายาซากะ – Yasaka-jinja Shrine เดินไป กิออน ย่านเกอิชาแห่งเกียวโต – Gion หาอะไรกินแถวนี้

ไปวัด Toji temple : Gion-shijo Station – Toji Station

ไปเกียวโตทาวเวอร์ Kyoto Tower : Toji Station – Kyoto station

ไปศาลเจ้า Fushimi Inari Taisha สามารถลงที่สถานี Inari แล้วเดินไปได้เลยอยู่ใกล้สถานีมากๆ

ด่านไทย-ลาวช่องเม็ก

ปกติการเดินทางข้ามไปประเทศลาวนั้นเราสามารถเดินทางข้ามไปได้หลายจังหวัด แต่ถ้าใครอยากจะไปเที่ยวลาวใต้ เมืองปากเซก็ต้องไปข้ามแดนที่ด่านไทย-ลาวช่องเม็ก โดยด่านช่องเม็กนี้ตั้งอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานีในเขตภาคอีสานของประเทศไทยเรานี่เอง ซึ่งตั้งอยู่ที่ อำเภอสิรินทร ห่างจากตัวเมืองประมาณ 90 กิโลเมตร มีความโดดเด่นตรงที่ด่านดังกล่าวจะติดกับชายแดนประเทศลาว จนนักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามฝั่งไปได้เลย ในขณะที่ด่านไทย-ลาว ส่วนใหญ่ จะต้องข้ามฝั่งแม่น้ำโขง

ดังนั้นถ้าใครอยากไปประเทศลาวแบบไม่ต้องนั่งเรือก็มาที่ด่านช่องเม็กได้ นอกจากนี้ยังมีความสะดวกสบายการจัดการของเจ้าหน้าที่ที่ด่านช่องเม็กก็อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวได้ดีมาก ปฏิบัติงานกันอย่างรวดเร็ว โดยบรรยากาศก็ดูเป็นกันเอง ด้านหน้าก็จะมีติดป้ายบอกกฎระเบียบต่างๆ การยื่นเอกสาร เมื่อจัดการเรียบร้อย ก็สามารถเดินรอดอุโมงค์ผ่านไปยังประเทศลาวได้เลย โดยระหว่างทางรอดก็จะเห็นธงประเทศไทย และป้ายเขียนว่าสุดเขตแดนประเทศไทยและมีธงอาเซียนปักไว้

นอกจากนี้ระหว่างที่เดินไปตามทางอุโมงค์ก็มีชาวลาวมายืนขายซิมโทรศัพท์สำหรับใช้โทรและเล่นอินเตอร์เนทที่ประเทศลาวตลอดสองข้างทาง ราคาอยู่ที่ประมาณ 100 บาท ขึ้นอยู่กับความเร็วแรงและยี่ห้อของสัญญาณ จากนั้นเมื่อเท้าเราเหยียบพรมแดนประเทศลาวแล้วก็จะมีร้านค้าขายสินค้า Duty Free เขาว่าปลอดภาษี และมีร้านกาแฟดาว ที่ขึ้นชื่อของลาวด้วย เราก็สามรถซื้อของฝากขากลับได้ที่นี่นั่นเอง

น้ำตกตาดฟาม ย่านปากเซ ณ ลาวใต้

น้ำตกตาดฟาน (Tad Fane Waterfall) เป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่มีชื่อเสียงของลาวใต้ ได้มีนักท่องเที่ยวต่างพากันมาเยี่ยมชม โดยลักษณะเฉพาะของน้ำตกแห่งนี้คือ เป็นเหวที่ลึกลงไปแล้วมีน้ำตก 2 สายไหลงจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำด้วยความสูงระดับกว่า 220 เมตร จะทำให้เราได้เห็นน้ำตกสีขาว 2 สาย ไหลลงด้วยความเร็วเป็นสาย ที่ตัดกับสีเขียวของต้นไม้โดยรอบและภูเขา

นักท่องเที่ยวที่มาก็จะนิยมถ่ายรูปภาพ ถ่ายวีดิโอ เก็บไว้เป็นที่ระลึก สำหรับกิจกรรมของที่นี่ก็จะมีซิปไลน์และที่พักรีสอร์ท บริการให้นักท่องเที่ยวได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติของน้ำตกตาดฟาน เชื่อว่านักท่องเที่ยวแต่ละคนที่ได้ไปเที่ยวชมน้ำตกตาดฟานจะต้องประทับใจในความสวยงามของน้ำตกแห่งนี้อย่างแน่นอน และนอกจากนี้บริเวณจุดชมวิวน้ำตกก็มีพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนหย่อนใจ ทั้งร้านกาแฟ ที่นั่ง จุดชมวิวต่างๆ รวมไปถึงตลาดด้านหน้าขายของที่ระลึกจากประเทศลาว เช่น สร้อยเงิน สร้อยหินประเภทต่างๆ ผ้าซิ้นลวดลายสวยงาม กระเป๋า เครื่องประดับ กาแฟ ชา และเครื่องเรือน เป็นต้น เรียกได้ว่านอกเหนือจากการได้ชมน้ำตกธรรมชาติ แล้วขากลับยังมีของฝากติดไม้ติดมือกลับไปด้วย

สถานที่: น้ำตกตาดฟาน (Tad Fane Waterfall)
ที่อยู่: Road 16e, Paksong KM38, Laos

เบอร์ติดต่อ: +856 20 55 531 400

LOTTO ในออสเตรเลีย

รู้ไหมว่าคนออสเตรเลียก็มีการเล่น ลอตเตอรี่เหมือนกันนะ โดยวิธีการเล่นของคนออสเตรเลียจะแตกต่างกับคนไทยตรงที่ ไม่ได้มีแม่ค้าพ่อค้ามาเดินถือแพงขายตามตลาดให้มีข่าวการทำลอตเตอรี่หล่นหายแบบข้างทางนะ แต่ที่ออสเตรเลียนั้นจะมีจุดจำหน่ายลอตเตอรี่ หรือเรียกว่า LOTTO ในเขตต่างๆตั้งแต่ในเมืองไปจนถึงตามชนบทเลย มีทั้งแบบตู้อัตโนมัติ ให้กด run ตัวเลขเองแบบเสี่ยงโชค หรือจะซื้อกับเจ้าหน้าที่ตามร้านก็ได้

โดยถ้าหากจะให้เจ้าหน้าที่จัดการให้ เราก็จะต้องเลือกตัวเลขในแบบฟอร์มของแต่ละวันก่อน แล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่พิมพ์และพิมพ์เอกสารของมาให้ มีลักษณะคล้ายๆใบเสร็จก็จะมีตัวเลขเป็นชุดและราคาทั้งหมด เราสามารนำเอกสารดังกล่าวมาตรวจเช็คได้ที่ร้านในวันถัดไป ความแตกต่างของ LOTTO ที่ออสเตรเลียอีกอย่างก็คือ จะมีการออกรางวัลทุกวัน ใช่แล้วอ่านไม่ผิด ที่นี่ออกรางวัลทุกวัน โดยหลักการคือ ถ้าวันไหนรางวัลใหญ่ไม่แตกก็จะทบรางวัลไปในสัปดาห์ถัดไป ซึ่งรางวัลที่ออกทั้ง 7 วัน จะเป็นรางวัลคนละแบบ จะแยกรางวัลตามวันนั้นๆเลย ดังนั้นเวลาจะเลือกตัวเลขในแบบฟอร์มซื้อ LOTTO ก็จะต้องดูกันดีๆว่าวันที่เราซื้อเป็นวันอะไร อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ หรือ เสาร์ แล้วจึงเลือกฟอร์มให้ถูกและกาตัวเลข

โดยจำนวนตัวเลขที่เลือกในแต่ละวันก็แตกต่างกันไปอีก เพราะฉะนั้นก็จะต้องอ่านรายละเอียดด้านหลังฟอร์มให้ดีก่อนจะเลือกตัวเลขด้วย ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวไปอยู่ก็ลองเสี่ยงโชคกันได้ ไม่แน่คุณอาจจะเป็นเศรษฐีคนต่อไปก็ได้

ไปเที่ยว Great Ocean Road ที่ประเทศออสเตรเลียกัน

ถ้าใครมาเที่ยวประเทศออสเตรเลีย ในเขตรัฐวิคตอเรีย แนะนำเลยว่าให้มาเที่ยว Great Ocean Road เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นอีกหนึ่งจุดมุ่งหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่อยากมาเดินทางบนถนนสายนี้ เพื่อชมวิวทะเลอันสวยงาม บรรยากาศธรรมชาติ ท้องทะเลที่อบอุ่น แม้อาจจะมีระยะทางที่ค่อนข้างยาวไกลพอสำคัญถ้าต้องเดินทางมาจากเมือง Melbourne  แต่ก็นับว่าคุ้มค่ากับการเดินทางมากๆ

ส่วนใหญ่วิธีการเดินทางมาท่องเที่ยวยัง Great Ocean Road นั้นจะมี 2 วิธีหลักๆ คือ เช่ารถแล้วขับรถมาเที่ยวแบบชิวๆ กับเพื่อนๆ ก็จะได้บรรยากาศการเดินทางแสนสนุก เป็นทริปที่ดีกลับไปแน่นอน หรืออีกวิธีคือการซื้อตั๋ว 1 Day Tour มาเที่ยวเลย แบบนี้ก็จะง่ายสะดวกสบาย วางแผนแล้วไปได้เลย เที่ยวจบในหนึ่งวัน ซึ่งการมากับทัวร์ก็จะทำให้ได้แวะเที่ยวที่อื่นนอกจาก Great Ocean Road ระหว่างทางที่ทางโปรแกรมทัวร์แนะนำ เช่น แวะเยี่ยมชมสัตว์ป่าในธรรมชาติ ได้แก่ โคอาล่า นกชนิดต่างๆ เป็นต้น

ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละว่าชอบไปเที่ยวด้วยวิธีไหน แต่ถ้าใครสนใจทัวร์แนะนำว่า เช็คราคาดีๆ เพราะราคา 1 Day Tour ของบริษัททัวร์แต่ละที่ราคาแตกต่างกัน มีตั้งแต่ราคา 49 – 200 AUD โดยราคาดังกล่าวก็อาจจะมีบริการที่แตกต่างกันไป บางที่อาจจะมีขนมให้ระหว่างทาง เลยราคาสูงขึ้นมาหน่อย หรือบางที่มีราคาสำหรับนักศึกษา ถ้าเป็นนักเรียนมีส่วนลด เป็นต้น ดังนั้นก่อนจะจองก็ลองเปรียบเทียบกันก่อนหลายๆที่ นอกจากนี้คำแนะนำของเราในฐานะที่ได้ไปมาแล้วก็คือ ควรดูพยากรณ์อากาศก่อนไปด้วยจะทำให้คุณไม่พลาดในการถ่ายภาพวิวทะเลและแท่งหินในวันที่ฟ้าสีครามสดใส และด้วยการเดินทางที่ยาวไกล เส้นทางของถนนที่คดเคี้ยว ใครชอบเมารถแนะนำเอายาแก้เมาติดไปด้วย ระหว่างทางซื้อขนมกินเล่นไปด้วย จะทำให้สนุกกับการเดินทางมากยิ่งขึ้น

สถานที่: Great Ocean Road

Website: http://www.visitvictoria.com/Regions/Great-Ocean-Road

ชมงานศิลปะใน Gallery ที่ Melbourne

เป็นที่ทราบกันดีว่าเมือง Melbourne ประเทศออสเตรเลียนั้นเป็นเมืองแห่งศิลปะ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมืองนี้นอกจากจะได้เห็นศิลปะตามท้องถนน ทั้งรูปปั้น รูปวาดแล้ว ยังมีสถานที่รวบรวมงานศิลปะระดับสูงและงานโบราญต่างๆไปอีกมากมายไว้ใน Gallery 

ซึ่งถ้าจะให้พูดกันอย่างจริงจังแล้วนั้น Gallery ในเมือง Melbourne นั้นมีมาก แม้แต่บางบ้านเจ้าของบ้านก็ทำเป็น Gallery เพื่อให้ผู้อื่นได้มาเยี่ยมชม แต่ครั้งนี้ที่เราไปก็คือศูนย์ศิลปะระดับชาติเลยที่เรียกว่า National Gallery of Victoria หรือ NGV โดยสถานที่ดังกล่าวอยู่ในใจกลางเมือง Melbourne เดินทางสะดวก ซึ่งภายในรวบรวมงานศิลปะที่น่าสนใจไว้มากมาย ทั้งภาพวาด ภาพถ่าย รูปปั้น งานจักสาน และผลงานของชนพื้นเมืองสมัยโบราญของชาวออสเตรเลีย เรียกได้ว่าถ้าใครรักงานศิลปะหรืออยากหาแรงบันดาลใจ ก็สามารถมาเที่ยวที่ NGV ได้รับรองได้ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์กลับบ้านไปอย่างแน่นอน

สถานที่: National Gallery of Victoria (NGV)

เบอร์ติดต่อ: +61 3 8620 2222

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน 10.00 -17.00 น.

Website: https://www.ngv.vic.gov.au/

เดินป่าขึ้นเขา มองจิงโจ้ ที่ Grampians ในออสเตรเลีย

สัญญาลักษณ์สำคัญของออสเตรเลียก็คือ จิงโจ้ ดังนั้นถ้าใครมาเที่ยวออสเตรเลีย อยากจะส่องชีวิตจิงโจ้ที่ไม่ใช่แค่ในสวนสัตว์ แนะนำว่าให้มาเที่ยวที่ Grampians National Park โดยสถานที่แห่งนี้เป็นเหมืองเมืองแห่งธรรมชาติที่กว้างขวางมาก

เรียกได้ว่าถ้าจะเที่ยวให้ทั่วก็ต้องขับรถกันเป็นวันๆ เพราะที่นี่มีแหล่งธรรมชาติมากมายให้นักผจญภัยไปค้นหา ได้แก่น้ำตกที่มีหลายจุด ทั้งขนาดเล็กใหญ่ หน้าผา ภูเขา ลำธาร ยอดดอย และสัตว์ต่างๆ เป็นต้น ถ้าใครเป็นคอธรรมชาติรักการท่องเที่ยวแบบป่า ส่องนก มองจิงโจ้ แล้วแนะนำให้มาเที่ยวที่นี่เลย นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวแบบค้างคืน อาจจะตั้งแคมป์ กางเต็นท์ หรือพักโรงแรม ทางสถานที่ก็มีให้บริการ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่า Grampians National Park นั้นมีขนาดกว้างมาก เที่ยววันเดียวอาจจะไม่หมด

สำหรับกิจกรรมที่ขึ้นชื่อที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมทำกันเมื่อมาถึงก็จะไปดูน้ำตก และเดินขึ้นเขาเพื่อไป The Pinnacle walks ซึ่งเป็นจุดไฮไลทสำคัญอีกจุกหนึ่งที่ได้เห็นวิวความสวยงามของธรรมชาติ แต่กว่าจะเดินกันไปถึงก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเหมือนกัน แต่ถ้าใครแนวรักสัตว์ ก็จะมีจิงโจ้เยอะมาก ทั้งบริเวณที่ให้ชมแบบมีรั้วกั้น หรือถ้าใครอยากจะไปวิ่งไล่ตามเองตามข้างทางก็มีให้เห็นตลอดข้างทาง คนรักจิงโจ้ไม่ควรพลาด

สถานที่: Grampians National Park , Victoria, Australia

เบอร์ติดต่อ: +61 3 5361 4000

Website: https://www.visitgrampians.com.au/

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)

อีกหนึ่งที่เที่ยวในโอซาก้าต้อง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan) ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ  พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคังแห่งนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก มีพื้นที่และจุดบริการมากมายสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมทุกคน ถ้าใครวางแผนจะไปแนะนำว่าให้ตั้งแผนไว้เลยว่าเที่ยวที่นี่ทั้งวัน เพราะอบ่างที่บอกว่าภายในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้กว้างใหญ่มากจริงๆ

ผู้ใหญ่มักจะพาเด็กๆมาเที่ยวชมสัตว์น้ำ สัตว์ทะเลหลากหลาย โดยเฉพาะปลาชนิดต่างๆ เด็กๆที่มาทั้งตื่นเต้นและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทางพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคังก็ตอบสนองความต้องการให้กับนักท่องเที่ยวทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่รักสัตว์น้ำ ชอบการเรียนรู้ โดยมีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลรวมถึงตามจุดต่างๆ จะมีตัวปั๊มให้นักท่องเที่ยวปั๊มเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย ดังนั้นถ้าใครได้ไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง ก็อย่าลืมพกสมุดเล่มเล็กๆหรือกระดาษติดตัวไปด้วย เพราะคุณจะได้ใช้ตราปั๊มที่เค้าบริการให้ปั๊มเก็บไว้เป็นที่ระลึก ใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแนวนี้ก็ลองแวะไปกันได้ ยิ่งถ้าบ้านไหนมีเด็กๆจะยิ่งถูกใจเด็กๆกันเป็นพิเศษเลย

สถานที่ : พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)

ค่าเข้าชม:

  • อายุมากกว่า 16 ปี 2,300 เยน
  • อายุมากกว่า 60 ปี 2,000 เยน
  • อายุ7 – 15 ปี 12,00 เยน
  • อายุ 4 – 6 ปี 600 เยน
  • อายุต่ำกว่า 3 ปี ไม่เสียค่าใช้จ่าย

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10.00 น. – 20.00 น.

วิธีเดินทางไป: ลงรถไฟที่สถานี Osakako Station เดินไปอีกประมาณ 5 นาที

เบอร์ติดต่อ : +81 6-6576-5501

Website: http://www.kaiyukan.com/language/eng/index.html

Proudly powered by WordPress | Theme: Baskerville 2 by Anders Noren.

Up ↑