ไปเที่ยว Great Ocean Road ที่ประเทศออสเตรเลียกัน

ถ้าใครมาเที่ยวประเทศออสเตรเลีย ในเขตรัฐวิคตอเรีย แนะนำเลยว่าให้มาเที่ยว Great Ocean Road เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นอีกหนึ่งจุดมุ่งหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่อยากมาเดินทางบนถนนสายนี้ เพื่อชมวิวทะเลอันสวยงาม บรรยากาศธรรมชาติ ท้องทะเลที่อบอุ่น แม้อาจจะมีระยะทางที่ค่อนข้างยาวไกลพอสำคัญถ้าต้องเดินทางมาจากเมือง Melbourne  แต่ก็นับว่าคุ้มค่ากับการเดินทางมากๆ

ส่วนใหญ่วิธีการเดินทางมาท่องเที่ยวยัง Great Ocean Road นั้นจะมี 2 วิธีหลักๆ คือ เช่ารถแล้วขับรถมาเที่ยวแบบชิวๆ กับเพื่อนๆ ก็จะได้บรรยากาศการเดินทางแสนสนุก เป็นทริปที่ดีกลับไปแน่นอน หรืออีกวิธีคือการซื้อตั๋ว 1 Day Tour มาเที่ยวเลย แบบนี้ก็จะง่ายสะดวกสบาย วางแผนแล้วไปได้เลย เที่ยวจบในหนึ่งวัน ซึ่งการมากับทัวร์ก็จะทำให้ได้แวะเที่ยวที่อื่นนอกจาก Great Ocean Road ระหว่างทางที่ทางโปรแกรมทัวร์แนะนำ เช่น แวะเยี่ยมชมสัตว์ป่าในธรรมชาติ ได้แก่ โคอาล่า นกชนิดต่างๆ เป็นต้น

ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละว่าชอบไปเที่ยวด้วยวิธีไหน แต่ถ้าใครสนใจทัวร์แนะนำว่า เช็คราคาดีๆ เพราะราคา 1 Day Tour ของบริษัททัวร์แต่ละที่ราคาแตกต่างกัน มีตั้งแต่ราคา 49 – 200 AUD โดยราคาดังกล่าวก็อาจจะมีบริการที่แตกต่างกันไป บางที่อาจจะมีขนมให้ระหว่างทาง เลยราคาสูงขึ้นมาหน่อย หรือบางที่มีราคาสำหรับนักศึกษา ถ้าเป็นนักเรียนมีส่วนลด เป็นต้น ดังนั้นก่อนจะจองก็ลองเปรียบเทียบกันก่อนหลายๆที่ นอกจากนี้คำแนะนำของเราในฐานะที่ได้ไปมาแล้วก็คือ ควรดูพยากรณ์อากาศก่อนไปด้วยจะทำให้คุณไม่พลาดในการถ่ายภาพวิวทะเลและแท่งหินในวันที่ฟ้าสีครามสดใส และด้วยการเดินทางที่ยาวไกล เส้นทางของถนนที่คดเคี้ยว ใครชอบเมารถแนะนำเอายาแก้เมาติดไปด้วย ระหว่างทางซื้อขนมกินเล่นไปด้วย จะทำให้สนุกกับการเดินทางมากยิ่งขึ้น

สถานที่: Great Ocean Road

Website: http://www.visitvictoria.com/Regions/Great-Ocean-Road

ชมงานศิลปะใน Gallery ที่ Melbourne

เป็นที่ทราบกันดีว่าเมือง Melbourne ประเทศออสเตรเลียนั้นเป็นเมืองแห่งศิลปะ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมืองนี้นอกจากจะได้เห็นศิลปะตามท้องถนน ทั้งรูปปั้น รูปวาดแล้ว ยังมีสถานที่รวบรวมงานศิลปะระดับสูงและงานโบราญต่างๆไปอีกมากมายไว้ใน Gallery 

ซึ่งถ้าจะให้พูดกันอย่างจริงจังแล้วนั้น Gallery ในเมือง Melbourne นั้นมีมาก แม้แต่บางบ้านเจ้าของบ้านก็ทำเป็น Gallery เพื่อให้ผู้อื่นได้มาเยี่ยมชม แต่ครั้งนี้ที่เราไปก็คือศูนย์ศิลปะระดับชาติเลยที่เรียกว่า National Gallery of Victoria หรือ NGV โดยสถานที่ดังกล่าวอยู่ในใจกลางเมือง Melbourne เดินทางสะดวก ซึ่งภายในรวบรวมงานศิลปะที่น่าสนใจไว้มากมาย ทั้งภาพวาด ภาพถ่าย รูปปั้น งานจักสาน และผลงานของชนพื้นเมืองสมัยโบราญของชาวออสเตรเลีย เรียกได้ว่าถ้าใครรักงานศิลปะหรืออยากหาแรงบันดาลใจ ก็สามารถมาเที่ยวที่ NGV ได้รับรองได้ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์กลับบ้านไปอย่างแน่นอน

สถานที่: National Gallery of Victoria (NGV)

เบอร์ติดต่อ: +61 3 8620 2222

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน 10.00 -17.00 น.

Website: https://www.ngv.vic.gov.au/

เดินป่าขึ้นเขา มองจิงโจ้ ที่ Grampians ในออสเตรเลีย

สัญญาลักษณ์สำคัญของออสเตรเลียก็คือ จิงโจ้ ดังนั้นถ้าใครมาเที่ยวออสเตรเลีย อยากจะส่องชีวิตจิงโจ้ที่ไม่ใช่แค่ในสวนสัตว์ แนะนำว่าให้มาเที่ยวที่ Grampians National Park โดยสถานที่แห่งนี้เป็นเหมืองเมืองแห่งธรรมชาติที่กว้างขวางมาก

เรียกได้ว่าถ้าจะเที่ยวให้ทั่วก็ต้องขับรถกันเป็นวันๆ เพราะที่นี่มีแหล่งธรรมชาติมากมายให้นักผจญภัยไปค้นหา ได้แก่น้ำตกที่มีหลายจุด ทั้งขนาดเล็กใหญ่ หน้าผา ภูเขา ลำธาร ยอดดอย และสัตว์ต่างๆ เป็นต้น ถ้าใครเป็นคอธรรมชาติรักการท่องเที่ยวแบบป่า ส่องนก มองจิงโจ้ แล้วแนะนำให้มาเที่ยวที่นี่เลย นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวแบบค้างคืน อาจจะตั้งแคมป์ กางเต็นท์ หรือพักโรงแรม ทางสถานที่ก็มีให้บริการ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่า Grampians National Park นั้นมีขนาดกว้างมาก เที่ยววันเดียวอาจจะไม่หมด

สำหรับกิจกรรมที่ขึ้นชื่อที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมทำกันเมื่อมาถึงก็จะไปดูน้ำตก และเดินขึ้นเขาเพื่อไป The Pinnacle walks ซึ่งเป็นจุดไฮไลทสำคัญอีกจุกหนึ่งที่ได้เห็นวิวความสวยงามของธรรมชาติ แต่กว่าจะเดินกันไปถึงก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเหมือนกัน แต่ถ้าใครแนวรักสัตว์ ก็จะมีจิงโจ้เยอะมาก ทั้งบริเวณที่ให้ชมแบบมีรั้วกั้น หรือถ้าใครอยากจะไปวิ่งไล่ตามเองตามข้างทางก็มีให้เห็นตลอดข้างทาง คนรักจิงโจ้ไม่ควรพลาด

สถานที่: Grampians National Park , Victoria, Australia

เบอร์ติดต่อ: +61 3 5361 4000

Website: https://www.visitgrampians.com.au/

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)

อีกหนึ่งที่เที่ยวในโอซาก้าต้อง พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan) ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ  พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคังแห่งนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก มีพื้นที่และจุดบริการมากมายสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมทุกคน ถ้าใครวางแผนจะไปแนะนำว่าให้ตั้งแผนไว้เลยว่าเที่ยวที่นี่ทั้งวัน เพราะอบ่างที่บอกว่าภายในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้กว้างใหญ่มากจริงๆ

ผู้ใหญ่มักจะพาเด็กๆมาเที่ยวชมสัตว์น้ำ สัตว์ทะเลหลากหลาย โดยเฉพาะปลาชนิดต่างๆ เด็กๆที่มาทั้งตื่นเต้นและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทางพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคังก็ตอบสนองความต้องการให้กับนักท่องเที่ยวทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่รักสัตว์น้ำ ชอบการเรียนรู้ โดยมีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลรวมถึงตามจุดต่างๆ จะมีตัวปั๊มให้นักท่องเที่ยวปั๊มเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย ดังนั้นถ้าใครได้ไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง ก็อย่าลืมพกสมุดเล่มเล็กๆหรือกระดาษติดตัวไปด้วย เพราะคุณจะได้ใช้ตราปั๊มที่เค้าบริการให้ปั๊มเก็บไว้เป็นที่ระลึก ใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแนวนี้ก็ลองแวะไปกันได้ ยิ่งถ้าบ้านไหนมีเด็กๆจะยิ่งถูกใจเด็กๆกันเป็นพิเศษเลย

สถานที่ : พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง (Osaka Aquarium Kaiyukan)

ค่าเข้าชม:

  • อายุมากกว่า 16 ปี 2,300 เยน
  • อายุมากกว่า 60 ปี 2,000 เยน
  • อายุ7 – 15 ปี 12,00 เยน
  • อายุ 4 – 6 ปี 600 เยน
  • อายุต่ำกว่า 3 ปี ไม่เสียค่าใช้จ่าย

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10.00 น. – 20.00 น.

วิธีเดินทางไป: ลงรถไฟที่สถานี Osakako Station เดินไปอีกประมาณ 5 นาที

เบอร์ติดต่อ : +81 6-6576-5501

Website: http://www.kaiyukan.com/language/eng/index.html

บรรยากาศรอบวัดเมืองนารา Japan

เมืองนาราประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นเมืองขึ้นชื่อในเรื่องของกวางอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเมืองนารา หลังจากไหว้พระขอพรวัดดังในเมืองนาราหลายที่แล้ว นิยมจะออกมาเดินเล่นตามสวนสาธารณะ บริเวณใกล้ๆวัด อย่างเช่นที่ วัดโทไดจิ Todaiji Temple ก็จะมีส่วนสาธารณะขนาดใหญ่และป่าไม้ต้นไม้โดยรอบวัด ทำให้มีกวาง จำนวนมากอยู่อาศัย นักท่องเที่ยวก็มักนิยมถ่ายรูปคู่กับกวาง ให้อาหารกวาง และเล่นกับกวาง เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆที่มาเที่ยวก็จะตื่นเต้นกับฝูงกวางจำนวนมากบริเวณนั้น

นอกจากนี้ยังมีสัตว์ชนิดอื่นอีก แต่ที่เห็นชัดว่ามีแน่นอนและให้นักท่องเที่ยวระมัดระวังเวลาเดินเที่ยวชมก็คือ หมูป่า เพราะจะมีการติดป้ายให้ระวังอันตรายจากหมูป่าด้วย แสดงให้เห็นว่าเมืองนารา แม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กๆในญี่ปุ่น แต่ก็ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งธรรมชาติที่สามารถช่วยให้สัตว์ป่าประเภทต่างๆอาศัยอยู่ได้ หลังจากไหว้พระขอพรจากวัดดังที่นารานักท่องเที่ยวยังได้ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติโดยเฉพาะฝูงกวางจำนวนมากอีกด้วย มีเพื่อนชาวญี่ปุ่นบอกว่า ความจริงแล้ว Nara ภาษาญี่ปุ่นนั้นก็แปลว่ากวาง ดังนั้นเมืองนี้ชื่อนาราก็เนื่องมาจากเป็นเมืองที่มีกวางอาศัยอยู่มากนั่นเอง

ชิงช้าสวรรค์ HEP Five กลางโอซาก้า

HEP Five เป็นชิงช้าสวรรค์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโอซาก้า ท่ามกลางห้างสรรพสินค้าชื่อดังน้อยใหญ่ นักท่องเที่ยวที่มาเยือนโอซาก้ามักนิยมมานั่งเพื่อชมวิวโดยรอบของเมืองโอซาก้า โดยชิงช้าสวรรค์นี้มีความสูง 75 เมตร มีกระเช้า ทั้งหมด 52 กระเช้า โดยแต่ละกระเช้าสามารถนั่งได้ประมาณ 4 คน ถ้านักท่องเที่ยวมากลุ่มเล็กๆแบบครอบครัวก็จะทำให้ได้นั่งพอดี สำหรับระยะเวลาในการนั่งกระเช้าในการหมุนหนึ่งรอบประมาณ 15 นาที ก็ถือว่าไม่นานมาก เพราะบริเวณอาคารใกล้เคียงที่เชื่อมต่อกับ HEP five นี้มีห้างสรรพสินค้ามากมาย เหมาะแก่การเดินเล่น ซื้อของ รวมไปถึงร้านอาหารที่น่าลองชิมอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ที่ตั้งใจจะมานั่งชิงช้าสวรรค์ดังกล่าวสามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นได้อีกด้วย เรียกได้ว่ามาที่เดียวครบ จบในการวางแผนเที่ยวในวันนั้นได้เลย

สถานที่: ชิงช้าสวรรค์ HEP Five

เบอร์ติดต่อ: +81 6-6313-0501

เวลาเปิด-ปิด: 11.00 – 22.00 น.

ค่าเข้าชม: 500 เยน

วิธีเดินทาง: เดิน 5 นาที จาก subway Tanimachi Line Higashi-Umeda Stn.

Website: http://www.hepfive.jp/language/

ย่านโกเบ ฮาร์เบอร์แลนด์ Harborland ที่ญี่ปุ่น

มาเที่ยวเมืองโกเบนอกจากลิ้มรสเนื้อวัวชั้นยอดแล้วนั้นใครๆก็จะต้องแวะมาที่ ย่านโกเบ ฮาร์เบอร์แลนด์ (Harborland )และ โกเบ พอร์ท ทาวเวอร์ (Kobe Port Tower) เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองโกเบที่นักท่องเที่ยวแทบทุกคนจะต้องมาเยือน อย่างน้อยๆก็ได้มาถ่ายรูป รับลมทะเลริมท่าเรือ 

หรือส่วนใหญ่ก็จะนิยมมาเดินห้าง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวจะมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำชื่อว่า ห้าง Canal Garden และ ห้าง Umie Mosaic โดยนอกจากนี้ถ้าใครวางแผนจะมาเที่ยวถ่ายรูป หรืออยากเก็บภาพสวยๆ ก็สามารถมาได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะคุณจะได้ภาพบรรยากาศโดยรอบที่แตกต่างกันออกไป ตอนกลางวันอาจจะได้เห็นเรือสินค้าลำใหญ่แล่นผ่านมา แต่ถ้าตอนกลางคืนก็จะเห็นแสงไฟสวยงาม มีการปรับแต่งให้สามารถเปลี่ยนสีได้ ด้วยความสว่างของตัวตึกต่างๆ ตัดกับความมืดของท้องฟ้าก็จะได้บรรยากาศโรแมนติกไปอีกแบบ

สถานที่ : ย่านโกเบฮาร์เบอร์แลนด์ (Kobe Harborland ) และ โกเบ พอร์ท ทาวเวอร์ (Kobe Port Tower)

วิธีเดินทาง: นั่งรถไฟ JR Kobe Station และ Harborland Subway Station

ค่าเข้าชม: ฟรี

เวลาเปิด-ปิด: 10.00 AM – 7.00 PM

เบอร์ติดต่อ : +81 78-360-3639

Website: http://www.kobe-port-tower.com/language/english.html

ไปเที่ยวบ้านหลากสีที่ Brighton Beach Australia กันเถอะ

Brighton Beach เป็น Land Mark ที่สำคัญของประเทศออสเตรเลีย เรียกได้ว่าถ้าใครเดินทางมาเที่ยวที่ Melbourne แล้วจะต้องไปเยี่ยมเยือน บ้านสีสันหลากสีที่  Brighton Beach ให้ได้ เพราะนอกจากสถานที่แห่งนี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ในช่วงเทศกาลก็จะมีเปิดบริการให้พักเป็นบ้านพักริมทะเลแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้คนและนักท่องเที่ยวกว่าทั่วโลกให้แวะเวียนมาถ่ายรูป เล่นน้ำทะเลกันอีกมาก

โดยเฉพาะเรื่องการถ่ายรูป นักท่องเที่ยวจะชอบถ่ายภาพที่มีสีสันหลายๆหลังเรียงรายติดกัน ในขณะที่นักท่องเที่ยวที่รักการถ่ายภาพเป็นมืออาชีพ ต่างก็จะหามุมเก็บภาพที่แตกต่างกันออกไป

สำหรับบรรยากาศโดยรอบนั้นก็ดูสบายตา ทะเลมีสีคราม ท้องฟ้าสดใน ระหว่างเดินทางไปถึงยังชายหาดก็จะมีรถไอติมมาจอดขาย ให้นักท่องเที่ยวได้กินไอติมเย็นๆ พร้อมกับชมบรรยากาศบ้านสีๆ ตามชายหาด ด้านบ้านสีที่เรียงอยู่ริมชายหาดนั้นมีอยู่ประมาณ 90 หลัง ทุกหลังก็จะมีสีสัน การวาดภาพและเพ้นท์ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยวแต่ละรายว่าอยากจะถ่ายภาพกับบ้านสีหลังไหน แต่จากที่สังเกตเห็นก็พบว่าหลังที่ผู้คนนิยมถ่ายมากเป็นอันดับต้นๆก็ดูเหมือนจะเป็นบ้านหลังที่ 2 ที่มีการทาสีและตกแต่งออกมาเป็นรูปธงชาติของประเทศออสเตรเลียจะได้รับความสนใจมากที่สุด เพราะเชื่อว่านักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องเห็บภาพบ้านลายธงชาติออสเตรเลียกลับไปอย่างแน่นอน

สถานที่: Brighton Beach Boxes

ที่อยู่: Dendy Street Beach, Dendy Street and the Esplanade, Brighton, Victoria, 3186

วิธีเดินทางไป: นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Brighton Beach Station แล้วเดินตามริมชายหาดไปประมาณ 15-20 นาที ก็จะเห็นบ้านหลากสีเรียงรายตามชายหาด

Website: http://www.visitvictoria.com/regions/Melbourne/Things-to-do/History-and-heritage/Heritage-buildings/Brighton-Bathing-Boxes.aspx

ระหว่างทางเดินไปวัดเงิน Ginkakuji Temple

เกียวโตประเทศญี่ปุ่นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีวัดดังมากมายที่น่าสนใจและอีกหนึ่งวัดดังที่แนะนำว่าควรไป โดยเฉพาะในช่วงดอกซากุระบานแล้วล่ะก็ต้องไปที่ วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) หรือ วัดเงิน นั่นเองเพราะวัดแห่งนี้นอกจากมีชื่อเสียงในด้านแบบฉบับวัดดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นโบราณที่สวยงามแล้ว ระหว่างการเดินทางไปยังวัดเงิน ในละแวกใกล้เคียงกันนั้นก็ยังมีทางเดินแห่งนักปราชญ์หรือบางคนก็เรียกว่าทางเดินแห่งซากุระรอบๆด้วย

ซึ่งทางเดินแห่งนักปราชญ์นี้มีคนบอกว่าเป็นแหล่งที่รวมต้นซากุระไว้กว่าร้อยต้น ดังนั้นถือว่าเป็นอีกจุกไฮไลท์สำคัญสำหรับการมาเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงเดือนแห่งซากุระบานด้วย โดยจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเที่ยวชมดอกไม้ ถ่ายรูป ณ ที่สถานที่แห่งนี้ เหมือนได้เดินทางมายังจุดเดียวแต่ได้เที่ยวถึงสองต่อ อย่างไรก็ตามนอกจาก วัดเงิน ดอกซากุระที่สวยงาม นักท่องเที่ยวมาเก็บภาพโดยรอบแล้ว รอบๆพื้นที่ก็ยังมีร้านค้า ของที่ระลึก ร้านขนม ชาเขียว เสื้อผ้าแบบชาวญี่ปุ่นพื้นเมืองด้วย ถ้าใครมาเที่ยวก็ถือว่าเดินชมเพลินตาสบายใจ และมีความสุขกับบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่น ดังนั้นใครมีแผนไปเกียวโตลองจดวัดเงินเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวไว้ในแผนเที่ยวญี่ปุ่นก็ได้นะ

สถานที่: วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) หรือ วัดเงิน

วิธีเดินทาง:เดิน 30 นาที จาก Demachiyanagi Station สาย Keihan Railway  หรือ นั่งรถบัสสาย 100 มาลงที่ สถานีรถบัสป้าย Ginkakuji-mae แล้วเดินจากป้ายไป 5 นาที

เวลาเปิด-ปิด:

  • 30 น. – 17.00 น. (มีนาคม-พฤศจิกายน)
  • 00 น. – 16.00 น. (ธันวาคม-กุมภาพันธ์)

ค่าเข้าชม : 500 เยน

เบอร์ติดต่อ : +81 75-771-5725

Proudly powered by WordPress | Theme: Baskerville 2 by Anders Noren.

Up ↑